วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

การแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่

นาย มงคล สุระสัจจะ ได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหลายด้านเช่น ไม่เหมาะสมเพราะอาวุโสน้อย เกรงว่าหากปล่อยปะละเลยจะทำให้เกิดความปั่นป่วนในกระทรวง และส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของข้าราชการ อีกอย่างมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่านาย มงคล เป็นคนสนิทของนาย เนวิน ชิดชอบ มีการกล่าวจากหลายด้านว่าตั้งแต่มีนาย ชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นรมว.มหาดไทยการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงก็ค่อนข้างจะพิสดารไม่ยึดระบบอาวุโสและความสามารถแต่เป็นการแต่งตั้งตามใจชอบและคนใกล้ชิด หากคนใดเคยรับราชการในจังหวัดบุรีรัมย์มักจะเติบโตแบบตอนกิ่งที่ไม่ได้โตมาจากเมล็ด
ในสมัยที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรมว.มหาดไทย ยึดหลักที่ว่า คนที่จะเป็นผู้ว่าฯได้นั้นต้องเป็นรองผู้ว่าฯมาแล้ว 2ปีมีผลงานความสามารถ ไม่เคยคิดว่าจะเป็นคนของใคร หรือเป็นศัตรูของใคร แต่วันนี้หลักการนี้หายไปหมด บางคนเป็นรองผู้ว่าฯ ปีเดียวก็นำมาพิจารณาให้เป็นผู้ว่าฯ ได้แล้วกระทรวงมหาดไทยยุคนี้เปลี่ยนจาก “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข มาเป็นสร้างทุกข์ บำบัดสุข” หากข้าราชการเติบโตมาจากการวิ่งเต้น และแสวงหาบ้านเมืองก็จะลำบาก

วิเคราะห์ข่าวจากแนวความคิดของ วูดโรว์ วิลสัน ที่ว่าด้วย การบริหารไม่สามารถแยกออกจากการเมืองได้
กล่าวคือ การกำหนดนโยบายของฝ่ายบริหารนอกจากจะขึ้นอยู่กับการควบคุมของฝ่ายนิติบัญญัติแล้วยังต้องขึ้นอยู่กับประชาชนผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ต่างๆและสื่อมวลชนด้วย คือ กลุ่มผลประโยชน์จะคอยดูว่าการตัดสินใจของฝ่ายบริหารมีผลกระทบต่อกลุ่มของตนอย่างไร กล่าวคือ การที่นายมงคล ได้เข้ามารับตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่นั้นนอกจากจะผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการแล้วยังต้องทำตามหลักการที่ปฏิบัติมาทุกยุคทุสมัยและได้รับการยอมรับจากประชาชนหรือเข้ามาทำงานตามกระบวนการปฏิบัติทุกอย่างไม่ใช่เห็นว่าเป็นคนสนิทของใครหรือเป็นคนรักของใครหากปฏิบัติอย่างนั้นบ้านเมืองก็จะขาดคุณธรรม เกิดความวุ่นวายต่าง ๆขึ้นมาได้ หากปฏิบัติตามหลักการที่ผ่านๆมานั้นจะทำให้ได้รับประโยชน์กันทุกๆฝ่าย ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ

(โดย นางสาว ทัศนีย์ จันทร์เพชรศรี เลขที่ 15 รปศ.531)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น